สภาพปัญหาของธุรกิจพระเครื่องและเช่าบูชา
การเจริญเติบโตในการเช่าพระและวัตถุมงคลนี้ เป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฎมาก่อนในอดีตและไม่เคยปรากฎในประเทศอื่นนอกจาประเทศไทย รัฐบาลยังไม่มีกฎหมายหรือมาตรการใดๆที่ควบคุมธุรกิจประเภทนี้ ซึ่งการขาดการควบคุมเช่นนี้ จึงเป็นเหตุให้ กลไกทางธุรกิจและผู้ประกอบธุรกิจเกี่ยวกับพระเครื่องสามารถจะประกอบธุรกิจอย่างไรก็ได้เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับตนเองโดยจะมีปํญหาสำคัญ 4 ส่วนดังนี้
1. ไม่มีมาตรการควบคุมในการสร้างพระและวัตถุมงคล ทำให้มีการปลอมแปลงพระและวัตถุมงคลได้ง่าย เพราะไม่มีกฎหมายควบคุม ดังนั้นในการสร้างพระวัตถุมงคลในพระพุทธศาสนาที่หายากและมีคุณค่าทางพุทธพาณิชสูง จึงนิยมปลอมแปลงกันมาก เนื่องการผลิตไม่ผิดกฎหมายและผู้กระทำได้รับตอบแทนสูง การปลอมแปลงทั้งหมดนั้นย่อมมีจุดหมายคือหลอกลวงผู้เช่า ดังนั้นก่อให้เกิดผลเสียหายทางเศรษฐกิจได้โดยรวมซึ่งผู้เช่าไม่สามารถ กลับเปลี่ยนเป็นราคาทรัพย์สินได้อีก การทำปลอมแบ่งแยกตามลักษณะได้ดังนี้
- การทำปลอมโดยทำให้เหมือน หรือเข้าใจว่าเป็นของแท้ วิธีการทำปลอมปะเภทนี้ เป็ฯวิธ๊การทำปลอมทั่วๆไป โดยการนำมาของแท้มาเป็นต้นแบบแล้วทำปลอมด้วยเนื้อหาและแบบพิมพ์แบบเดียวกัน
- การปลอมพระเครื่อง โดยร่างขึ้นมาให้มีลักษณะพิเศษซึ่งทำให้ผู้ได้พบเห็น ซึ่งไม่มีความรู้เข้าใจว่าเป็นพระเครื่องที่หายากและมีราคารสูง
- การทำปลอมและการหลอกลวงการจำหน่ายพระเครื่อง อาจจะนำพระแท้ประเภทเหรียญโลหะมาชุบผิว หรือเคลือบผิวให้เป็น นวโลหะ หรือทองคำ หรือให้พิจารณาจากภายนอกว่าเป็นพระเครื่องที่สร้างจากเนื้อโดยไม่ตรงกับความเป็นจริงและมีราคาสูงกว่าควรจะเป็น
- การทำปลอมโดยใช้วัตถุมงคลของแท้มาปลอมอีกวิธีหนึ่ง คือการใช้พิมพ์เก่าแกะพิมพ์ใหม่เพื่อคุณค่าเชิงพาณิชที่สูงกว่า โดยประเภทมวลสารเช่น ผงหรือดิน จะมีมูลค่าเชิงพาณิชต่ำ หรือนำแม่พิมพ์เก่าหล่อพระใหม่เป็นต้น ซึ่งนับว่าการกระทำแบบนี้จะทำลายคุณค่าทางโบราณคดีและประวัติศาสตร์เป็นอย่างมาก
2. ไม่มีมาตรการควบคุมการสร้างวัตถุมงคล โดยวัดต่างๆทำให้เกิดความไม่เหมาะสมหลายประการซึ่งนับเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดการเสื่อมศรัทธาในพระพุทธศาสนา เช่น
- การที่ผู้จัดสร้างทำเกินกว่าที่ทางวัดกำหนดไว้ ซึ่งในวงการเรียกว่า “ทำพระเสริม” โดยเกิดจากกลุ่มผู้สร้างเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน ทำเกินกว่าที่ได้ขออณุญาติจากทางวัดไว้ โดยพระเสริมหรือส่วนเกิน จะไม่ได้เข้าพิธีพุทธาภิเศก หรืออธิษฐานจิตใดๆ โดยจะนำจำหน่ายเองภายหลัง
- การที่วัดจัดสร้างวัตถุมงคลในรูปแบบที่ไม่เหมาะสม เช่น สร้างพระในปางที่แปลกกว่ากำหนดหรือ สร้างรูปพระนั่งบนรูปสัตว์ต่างๆ เช่น เต่า ลิง เสือ หรือ รูปกุมารทอง รูปชายหญิงติดกันเป็นต้น
- การแอบอ้างถึงพิธีการจัดสร้าง หรือวัตถุที่ใช้เป็นมวลสารเพื่อผู้เช่าเกิดความสนใจแต่ไม่ได้ส่มวลสารจริงลงไปตามที่บอกกล่าวไว้เป็นต้น
3. ไม่มีมาตรการควบคุมบทความหรือโฆษณาประชาสัมพันธ์ ซึ่งจะสังเกตได้ว่า บทความในสิ่งตีพิมพ์ที่เกี่ยวกับพระเครื่องและวัตถุมงคล จะพูดถึงปราฎิหาริย์ ทำให้เกิดความบิดเบือนข้อเท็จจริงเพื่อผลประโยชน์ทางการค้าเป็นหลัก โดยไม่คำนึงถึง พุทธคุณ ศิลปะ วัฒนธรรม จึงทำให้การโฆษณาเกินความจริงและบิดเบือน ทำให้ผู้เช่าเข้าใจผิดได้และไม่มีมาตรการลงโทษอย่าแท้จริง เป็นเหตุให้ผู้เช่า เกิดความเสื่อมศรัทธาในพุทธศาสนาได้
4. ไม่มีมาตรการควบคุมในการค้าและควบคุมผู้ค้า เนื่องจ่กในปัจจุบันนี้ สถานที่จำหน่ายวัตถุมงคลและพระเครื่องเกิดขึ้นมากมาย แต่ละแห่งจะประกอบไปด้วย ผู้ค้ารายย่อยเป็ฯจำนวนมากนอกจากนนี้ยังผ็ค้าที่ไม่ได้ประกอบกิจการในแหล่งจำหน่ายโดยตรง อีกทั้งผู้ค้ากลุ่มนี้จะมีอยูทุกๆที่ นับวันจะมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่สามารถจะประมาณจำนวนผู้ค้าได้ เพราะรัฐบาลไม่เคยทำการควบคุม สำรวจ หรือขึ้นทะเบียนผู้ค้าไว้แต่อย่างใด ซึ่งปัญหานี้ ก่อให้เกิดัปญหาหลายประการเช่น
- ผู้ค้าขาดความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานที่ตั้งวางได้ไม่เปลี่ยนหลักแหล่ง จึงขาดความรับผิดชอบในพระเครื่องและวัตถุมงคล
- ไม่สามารถตรวจสอบควบคุมการจำหน่ายวัตถุมงคลที่รับไว้จากผู้กระทำความผิดได้ เนื่องจากปัจจุบันแนวโน้มการกระทำความผิดที่เกี่ยวกับทรัพย์โดยมุ่งหวัง เอาทรัพย์สินเช่นพระเครื่องและวัตถุมงคลมากขึ้น ทำให้ผู้กระทำความผิดสามารถจำหน่าย ผู้ค้าได้โดยง่ายและไม่มีการตรวจสอบในการซื้อหาวัตถุมงคลหรือพระเครื่องนั้น
- วัตถุมงคลและพระเครื่องที่มีคุณค่าเชิงพุทธพาณิชสูง จะเป็นแหล่งฟอกเงินต่อผู้กระทำความผิดได้โดยง่าย เนื่องจากไม่สามารถแสดงรายละเอียด แสดงรายได้ ดังนั้น จะเป็นการฟอกเงินได้อย่างดี เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้
- การจัดวางจำหน่ายพระเครื่องหรือวัตถุมงคลในบางสถานที่ ไม่เหมาะสม เช่น บริเวณข้างวัดมหาธาตุ หรือด้านนอกสวนจตุจักร ผู้ค้าส่วนใหญ่จะจัดวางจำหน่าย บนกระดาษหนังสือพิมพ์หรือบางเศษผ้าเก่าๆ บนถนน สะพานลอย หรือ บาทวิถี ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง เพราะพระเคื่องเป็นสัญลักษณ์ทางพุทธศาสนาที่เรานับถือกัน
- นอกจาการค้าแล้วปัจจุบัน ยังมีการควบคุมจัดตลาดนัด หรือการจัดประกวดพระเครื่อง เพราะเนื่องจากว่ามีกลุ่มผลประโยชน์แอบแฝงอยู่ ซึ่งในการจัดประกวดพระแต่ละครั้ง จะมีเงินหมุนเวียนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท ผ็จัดบางรายอ้างว่า จะนำรายได้บางส่วนไปบริจาคต่อสาธารณกุศล แต่ในข้อเท็จจริงแล้ว การกระทำดังกล่าวไม่มีมาตรฐานอะไรมาควบคุม ทำให้การจัดงานต่างๆ กำหนดขึ้นโดยามจัดผู้จัด โดยจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น